แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวทางการปฏิบัติธรรม แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ แนวทางการปฏิบัติธรรม แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

การปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด


เคยมีคำทำนายไว้ข้อหนึ่ง คนจะเดินโกงโค้ง  แรกๆ ก็ไม่เข้าใจ  แต่มีคนหนึ่งเขาบอกว่า  คนสมัยนี้มีแต่ก้มหน้าก้มตามองแต่ดิน  ไม่ได้เงยหน้ามามองฟ้าบ้าง  ไม่รู้ว่าข้างบนโน้นแสนจะสุขสบายกว่าข้างล่างนี้ ไม่ต้องทำมาหากินก็อยู่ได้อย่างสบาย แล้วพวกเราทำอะไรกันอยู่ไม่เร่งรีบทำความเพียร เร่งละอกุศลจิตให้หมดไปจากใจได้แล้ว....

คนจะเดินโกงโค้ง ก็คือ  คนสมัยนี้  ได้ไอโพน ได้ไอเพ็ค มา ก็ก้มหน้ากันตาเล่นกันแบบไม่ลืมหูไม่ลืมตา หายใจเข้าหายใจออก เป็นไอเพ็ค ไอโฟนกันหมด  น่าเป็นห่วงว่าเงินในกระเป๋าจะหายไป จากการศึกษาพบว่า คนที่ก้มมากๆ  จะทำให้กระดูกงอได้  ก็เห็นจะเป็นจริงดังคำทำนาย....

มาถึง การปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด  ก็คือ  การกระทำความดี การปฏิบัติธรรม หรือ การทำสมาธิ ให้เข้าถึงความบริสุทธิ์แห่งจิต อย่างเช่น พระโสดาบัน จนถึงพระอรหันต์นั้นเอง  คนที่บูชาด้วยเครื่องหอม ดอกไม้ต่างๆ  การทำบุญให้ทาน รักษาศีล ก็ยังไม่ขึ้นชื่อว่าเป็นการปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสุงสูด เพราะ การปฏิบัติแบบนี้เป็นเพียงอามิสบูชา  ไม่ได้เข้าถึงแก่นแท้ของพระศาสนา ย่อมจะพาให้ตนเองได้รับความทุกข์อยู่ล่ำไป  พอทำบุญแล้วเกิดตาย  ก็ไปเป็นเทวดา  หมดบุญจากเทวดาก็มาเกิดอีก  วนเวียนแบบนี้ไม่จบสิ้น.....

ฉะนั้นท่านจึงให้พวกเราทั้งหลายบูชาท่าน ที่เรียกว่า การปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงที่สุด ก็คือ  การปฏิบัติบูชา ด้วยการกระทำความดี ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบทางธรรมและการทำสมาธิให้จิตใจหมดจากกิเลสทั้งหลาย  ที่มันครอบงำคนทั้งโลก ให้เห็นกันอยู่ทุกวันนี้......

บทความเพิ่มเติม


วันอาทิตย์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2556

กรรมที่ให้ผลแรงที่สุด


กรรม

กรรมมีหลายชนิด สามารถแบ่งกรรมออกเป็น  3  กรรม  ก็คือ

กายกรรม  คือ กรรมที่ทำทางกาย เช่น ใช้มือตีแมว ใช้มือตีหมา ใช้มือทุบตีสามี  ใช้มือตับหัวผู้อื่น  ใช้ขาเตะหมา  ใช้เท้าเหยียบสัตว์เล็กสัตว์น้อยให้ตาย  

วจีกรรม คือ การพูดตำหนีติเตียนผู้อื่น การใส่ร้ายป้ายสีให้ผู้อื่นเดือนร้อน การพูดโกหก ไม่มีมูลความจริง การพูดเพ้อเจ้อ  การนินทาผู้อื่น การสาปแช่ง  การด่าท่อให้ผู้อื่นเสียหาย  พูดจาให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ทำร้ายผู้อื่นด้วยการพูด)

 มโนกรรม  คือ ความนึกคิด ไปในอดีต ใปในอนาคต  อย่างเช่น ความคิดว่าฉันจะเผ่าทั้งหมู่บ้านนี้ให้เป็นเถ้าถ่าน, ฉันจะฆ่าล้างโคตรให้หมด, ฉันจะทิ้งละเบิดให้ตายหมดโลก,ฉันจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์นี้ให้หมด ฉันจะทำมดนี้ให้ตายทั้งลัง  เป็นต้น)  

 ในบรรดากรรมทั้งหลายถ้าทำทางกายกรรม วจีกรรม ยังไม่เท่ากับทางมโนกรรม  พระพุทธเจ้าทรงบอกว่า ทางมโนกรรมหนักที่สุด

แต่ยังมีอีกชนิดหนึ่งที่ทำแล้วจะได้รับร้ายแรงที่สุดนั่นคือ “กรรมที่เราตั้งใจทำมากที่สุด  ยิ่งเราตั้งใจทำมากเท่าไหร่ ผลของกรรมนั้นก็จะมีแรงส่งแรงมากเท่านั้น  เพราะฉะนั้น ต้องระมัดระวังให้มาก..... 

กรรมทางด้านมโนกรรมนี้  หนักแล้ว  ถ้าเราใส่แรงแห่งความตั้งใจทำแล้วเป็นดับเบิ้ลแห่งการให้ผล  ผลนั้นย่อมรุนแรงเหนือความคาดหมาย......คุณเคยเห็นรถพุ่งชนกำแพงหรือ  ยิ่งชนแรง  แรงส่งหรือผลสะท้อนกลับมาหาผู้กระทำอย่างตั้งใจ ย่อมให้ผลรถข้างหน้าพังยับ จนทำให้ผู้ขับถึงตายเลยทีเดียว  บางคนก็กระเด้งออกไปตายด้านนอกรถ....

บทความเพิ่มเติม
จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีศรัทธามากแค่ไหน
การภาวนาที่ให้ผลใหญ่
บทสวดมนต์ที่แนะนำให้สวด


 

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บุญ 23 อย่างที่ต้องทำ


บุญ
บุญ  23 อย่างที่ต้องทำ

1. อนุโมทนาบุญ   :  อันนี้ไม่ต้องเสียเงินทำได้ทุกเวลาเมื่อมีคนทำบุญ หรือ ยินดีในชัยชนะของผู้อื่น เสมือนว่าตนเองเป็นผู้ทำเอง  เป็นผู้ได้เอง  อันนี้ได้อนิสงค์แรง

2.   ทำบุญใส่บาตร  :  ทำให้ได้ทุกวันยิ่งดี ทำให้เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ และปฏิภาณ, มีความแข็งแรง มีอายุขัยยืนยาวไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ,ทำให้เป็นผู้มั่งคั่ง มีทรัพย์สมบัติมาก เป็นมหาเศษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนา,มีสติปัญญาและผิ้วพรรณวรรณะผ่องใส มียศถาบรรดาศักดิ์เกรียงไกร,ไม่พลัดพรางจากของรักมีความสุขในทุกสถาน  ทำให้เป็นผู้เกิดภายใต้ร่มเงาบวรพระพุทธศาสนาตลอดไป  บรรลุธรรมได้โดยง่ายไปทุกภพชาติ

3.   การสวดมนต์

4.   ศึกษาเรื่องนี้ ทุกข์,ทุกขสมุทัย, ทุกขนิโรธ, ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา  เพระจะทำให้คุณดับทุกข์ได้โดยไม่ต้องพึ่งผู้อื่น

5.   การระลึกถึงคุณของ พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  เป็นอาจิณ เวลาตายจะได้ไม่หลงตาย เพราะฝึกจิตให้เคยชินเมื่อมีความเคยชิน จิตก็เป็นกุศล ทำให้ได้ไปสวรรค์  ไม่ตกนรก

6.   ศึกษาเรื่อง เจโตวิมุตติ  ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้ จะทำให้คุณหลุดจากทุกข์ ไม่ต้องมาเกิดอีก

7.   บริจากโลหิต

8.    การถือศีล

9.    การทำสมาธิ

10.  การให้ทาน

11.  การสงเคราะห์คนยากจน

12.  ให้ทุนการศึกษา

13.   เข้าร่วมค่ายอาสา

14.   ช่วยเหลือสัตว์ตกทุกข์ได้อยาก

15.   การฟังธรรมตามกาล

16.    การอ่านหนังสือธรรมะ

17.    ศึกษาเรื่องธรรมะ

18.    เรียนอภิธรรม

19.    ให้เงินขาทาน

20.    ให้ทานชีวิต เช่น ปล่อยสัตว์ใกล้ตาย ให้เขามีชีวิตรอด

21.    กตัญญูต่อพ่อแม่

22.    รู้จักบุญคุณของคน

23.    อ่อนน้อมถ่อมตน


บทความเพิ่มเติม
วิธีทำบุญให้มีโชคมีลาภมาก
ทำไมต้องสวดมนต์ตลอดเวลา

วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีทำบุญให้มีโชคมีลาภมาก


ทอดกฐิน

 ก่อนเข้านอนได้พรรณนาว่ามีวิธีทำบุญยังไงให้จะมีลาภมาก  จากนั้นก็นอนหลับไป ไม่ได้สนใจอะไรนัก  จู่ๆ ก็ได้คำตอบจากผู้รู้  มานั่งคิดเอ!  คำถามที่เราต้องการจะรู้  แค่เราถามคำถามเราก็มักจะได้รับคำตอบแบบที่เราต้องการ  ถ้าเราหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องอะไร สนใจเรื่องอะไร เอาใจใส่กับอะไร ก็จะได้สิ่งนั้น  เอาใจใฝ่ในบุญทำความดีก็จะได้พบแต่เรื่องที่ดี  หากเราหมกหมุ่นคิดถึงความชั่ว หรือใจเราเศร้าหมอง  ก็จะมีบางอย่างพาให้เราเจอแต่เรื่องเศร้าหมอง  ฉะนั้น  จงทำใจให้เป็นกุศลอยู่เนื่องนิด จะได้ยกใจเราให้สูง....

ถ้าเอ๋ยถึงพระสิวลี  คงไม่ต้องบอกว่าท่านเป็นใคร ถ้าใครยังไม่รู้ก็ลองไปหาประวัติท่านมาอ่าน  เพราะท่านได้สมญานามว่าเป็นเอตทัตทะ ในด้าน ผู้มีลาภมาก 

เหตุที่ท่านมีลาภมากก็ด้วยการอธิษฐานส่วนหนึ่ง  และอีกส่วนหนึ่งคือท่านเป็นคนสุดท้ายที่ทำบุญของผู้อื่นให้สมบูรณ์  คือ หมายความว่า ท่านเป็นผู้เติมบุญของผู้อื่นให้เต็ม  มีตำนานเล่าว่าชาวบ้านจะแข่งกันทำบุญกับพระราชา แต่ชาวบ้านขาดสิ่งของอย่างหนึ่งนั้นก็คือ  น้ำผึ้งคั้นสด จึงใช้ให้บริวารไปดักรอเพื่อรอซื้อน้ำผึ้ง พระสิวลี มีน้ำผึ้งที่ชาวบ้านต้องการ นางทาสีจึงขอซื้อ ในราคาสูง แต่พระสิวลีไม่ขาย  ท่านก็แปลกใจว่าน้ำผึ้งทำไมราคาสูง จึงได้ถามนางทาสี  นางทาลีก็บอกตามตรง  แต่พระสิวลีบอกจะให้ฟรีหากให้เขาได้ร่วมทำบุญด้วย นางทาสีจึงได้แจ้งแก่ผู้เป็นนาย  นายก็ตกลง  พระสิวลีก็เป็นคนทำบุญของชาวบ้านให้เต็มตามต้องการ

อานิสงค์ก็เลยตกแก่พระสิวลีเต็มๆ  หากผู้ใดยังไม่ทราบจะได้ทราบไว้ว่าทำอย่างงี้จะได้มีลาภมาก   อย่างเช่น ตอนถวายกฐินจะมีการให้นำเงินมาเติมเพื่อได้เงินครบตามต้องการ หากเราเป็นคนสุดท้ายที่ทำบุญคนอื่นให้เต็ม  หรือ เป็นคนให้เงินคนสุดท้ายย่อมได้อานิสงค์เหมือนเพระสิวลีแน่นอน 

แต่อานิสงค์ไม่ได้มาเร็วเหมือนจรวด  จากการศึกษา ผู้รู้ท่านบอกว่าผลจะตอบแทนในชาติหน้าให้เราร่ำรวย หรือมีโชคลาภ  หากแต่ชาตินี้เป็นกรรมเก่าที่เราได้สร้างไว้ในอดีตชาติให้มาเป็นเราทุกวันนี้  หากชาตินี้เราไม่รวย  ชาติหน้าเรารวยแน่ท่านว่าอย่างนั้น...

บทความเพิ่มเติม
บุญ  23 อย่างที่ต้องทำ
วิธีรู้ว่าบุญยังไม่เต็ม
 

วันจันทร์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงปฏิบัติธรรมเห็นผล



ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงปฏิบัติธรรมเห็นผล พระพุทธเจ้าใช้เวลาเป็น อสงไข  เป็นแสนกัลป์ กว่าจะได้มาตรัสรู้เป็นองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าให้พวกเรากราบไหว้ทุกวันนี้

การจะเป็นพระอรหันต์ต้องมีบุญสะสมมาแต่บางก่อน หรือ ต้องปฏิบัติธรรมอย่างเคร่งครัด  ทั้งนั้น  ในบรรดาอริยสาวกของพระพุทธเจ้า อ่านประวัติแล้ว ล้วนแต่เคยสร้างสมอบรมบารมี  หรือ สร้างบุญ สร้างกุศล ให้ทาน รักษาศีล กันมาตั้งแต่ในอดีตชาติกันทั้งนั้น กว่าจะบรรลุนิพพานได้ 

ขึ้นอยู่กับกรรมของแต่ละคน  ว่าเคยสร้างสมกรรมมาเท่าไหร่  กรรมเป็นอจิตไตร ไม่สามารถจะคาดเดาได้  ไม่ว่าจะเป็นหมอดู หรือผู้รู้ หรือพระที่ยังไม่บรรลุเป็นพระอรหันต์  ไม่สามารถจะทำนายทายทักได้  นอกจาก พระพุทธเจ้า และพระอรหันต์ที่ทำนายได้  หรือแม้แต่พระอรหันต์บางองค์ก็ไม่สามารถทำนายได้ นอกนั้นก็รู้ไม่จริง รู้แค่เบื้องต้นเท่านั้น

พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า หากยังมีมรรคมีองค์แปดอยู่  โลกก็จะไม่ว่างจากพระอริยเจ้า และพระอรหันต์  ถ้าใครปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด จะเห็นผลในชาติปัจจุบัน  หากคุณมีความเพียร และมีมรรคมีองค์แปด ปฏิบัติตามมรรคมีองค์แปด หวังผลได้เลยในปัจจุบัน 

พระพุทธเจ้าท่านแนะให้เราฆราวาสนั้นเริ่มต้น จากการรักษาศีลห้าให้ครบ ให้ทาน  แล้วก็เจริญสมาธิอย่างสม่ำเสมอ หากชาตินี้ไม่สามารถบรรลุธรรมใดๆ อย่างน้อยเราก็หวังผลได้ว่าไปเกิดในโลกสวรรค์แน่นอน   ไม่ไปนรก

แค่เรามีศีลห้าครบ สิ่งที่หวังจะได้ครบตามใจหมาย ศีลพาให้ร่ำรวย ศีลพาให้พ้นทุกข์ ศีลพาให้พบสุข  ศีลจะทำให้เราบริสุทธิ์ ศีลทำให้สวยหล่อ ศีลทำให้มีมิตรที่ดี และศีลจะพาให้เรามีความเห็นที่ถูกต้อง...หากทุกคนบนโลกนี้มีศีลห้ากันทุกคนโลกนี้ก็จะไม่เป็นเช่นนี้  ......หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัย....ขอให้ทุกคนมีศีลห้ากันทุกคน

เริ่มต้นศึกษาธรรมด้วยการดูบทความเรื่อง

วันเสาร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีเช็คว่าคุณมีธรรมะเป็นที่พึ่งหรืออย่างอื่นเป็นที่พึ่ง

วิธีเช็คว่าคุณมีธรรมะเป็นที่พึ่งหรืออย่างอื่นเป็นที่พึ่ง

วิธีเช็คว่าคุณมีธรรมะเป็นที่พึ่งหรืออย่างอื่นเป็นที่พึ่ง

คนที่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง
๏ ยังไปหาหมอดูอยู่
๏ ยังซื้อเครื่องรางของคลังอยู่
๏ ยังไปขอหวยอยู่
๏ หวังพึ่งโชคอยู่
๏ ไม่มีศีล 5 ประจำใจ
๏ ไม่นั่งสมาธิ
๏ ไม่ทำบุญ
๏ ไม่ให้ทาน
๏ ไม่รักษาศีล
๏ ไม่เข้าวัด
๏ ไม่ฟังธรรม
๏ คบมิตรชั่ว
๏ สร้างบาปทุกแนว ฯลฯ

คนมีธรรมะเป็นที่พึ่ง
๏ ยึดถือพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง
๏ ถือศีลห้าได้ตลอดชีวิต
๏ รักษาศีลแปดทุกวันพระได้จะดี
๏ สวดมนต์ และนั่งสมาธิทุกวันได้ยิ่งดี
๏ ใส่บาตรทุกวันได้ยิ่งดี
๏ ทำบุญสร้างพระสร้างโบสถ์
๏ ฟังธรรมะ
๏ หาหนังสือมาอ่าน
๏ ศึกษาเรื่องธรรมะ
๏ เข้าวัด
๏ ให้ทานทุกอย่างไม่เลือกการให้
๏ สนับสนุนคนทำดี
๏ คบมิตรที่ดีมีศีลธรรม
๏ เป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน ฯลฯ....

คนมีธรรมะเป็นที่พึ่ง เพราะธรรมะนั้นแหละจะเป็นเกาะคุ้มภัยให้กับผู้มีธรรมะเป็นที่พึ่ง เพราะพลังของพุทธคุณ  ธรรมคุณ สังฆคุณ และคุณความดีจะเป็นเกาะแก้วคุ้มครองผู้ประพฤติดี ผู้ประพฤติธรรมเอง ไม่ต้องไปหาของคลัง ไม่ต้องวิ่งวุ้นไปให้หมอดูให้เขาหลอกเอา  ร้อยทั้งร้อยเมื่อไปหาหมอดูแล้วจะต้องเสียทรัพย์ พันเปอร์เซ็นต์  หากคุณไม่ไปทรัพย์ก็คงอยู่  ไปเข้าวัดฟังธรรมถือศีล เอาบุญเอากุศลเข้าตัวดีกว่า บุญพร้อมที่จะส่งเราให้โชคดี และร่ำรวยเสมอ....ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ก็ให้ถือศีล 5 เป็นประจำ และให้ทานเป็นประจำ จะได้โชคดี และร่ำรวยกันทุกคน.......

บทความแนะนำเพิ่มเติม
9 วิธี  การเข้าถึงธรรมะ
ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงปฏิบัติธรรมเห็นผล
จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีศรัทธามากแค่ไหน

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทสวดมนต์ที่แนะนำให้สวด



บทสวดมนต์ที่แนะนำให้สวด

  อ่านได้เฉพราะคนที่เชื่อเรื่องกรรมเท่านั้นนะ ถ้าใครไม่เชื่อว่าชาติหน้ามีจริงอย่าอ่าน เพราะไม่เกิดประโยชน์อะไร นอกจากจะทำให้คุณมีอคติ แล้วคุณยังจะปรามาสผู้อื่นอีก เป็นบาปติดตัวเปล่าๆ

  บทนี้เป็นบทที่มีคุณมาก ไปลองค้นหาที่ Google ดู  ก็จะรู้ว่าดีอย่างไร

  พระพุทธเจ้าท่านก็ทรงแนะนำให้สวดบทนี้ และพระพุทธเจ้าเองก็สวดบทมาหมือนกัน

  ใครที่ไม่อยากลงนรกเมื่อตาย ให้สวดบท เมตตาพรหมวิหารภาวนา บทนี้จะมีอานิสงค์ 11 ประการ

  ให้สวดให้ครบ 7 ปี สวดทั้งเช้าและเย็น จะมีคุณอย่างไรก็ลองสวดให้ครบเจ็ดปีก็แล้วกัน

  เมื่อตายแล้ว หากไม่ได้คุณวิเศษอะไร ก็จะไปเกิดพรหมโลก  แล้วก็จะไม่หลงตาย

  ที่แน่ๆ คือ เรามีสติก่อนตาย

  ให้สวดบทนี้ จนครบ เจ็ดปี  เมื่อตายแล้วจะไม่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์อีกเลย ตลอด ๗ สังวัฏฏกัปป์ และวิวัฏฏกัปป์ และเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดในตระกูลสูง เป็นพระราชา และ เป็นผู้มีอำนาจสูงสุด  เป็นสักกะ ผู้เป็นจอมแห่งเทวดา เป็นราชาจักรพรรดิผู้ประกอบด้วยธรรม เป็นพระราชาโดยธรรม มีแว่นแคว้นจดมหาสมุทรทั้งสี่เป็นที่สุด เป็นผู้ชนะแล้ว อย่างดี มีชนบทอันบริบูรณ์ประกอบด้วยแก้วเจ็ดประการนับด้วยร้อยๆ ครั้ง

  หากชาตินี้คุนเป็นคนยากจนอยู่ ให้คุณรู้ไว้ว่าเป็นผลมาจากกรรมเก่า ที่ในอดีตคุณได้ก่อกรรมเอาไว้ (เพราะกายนี้เป็นกรรมเก่า) เกิดมาชาตินี้ ต้องเร่งสร้างสมแต่ความดีเอาไว้  การทำดีมีตั้งหลายแบบ ไม่จำเป็นต้องเสียเงิน อย่างน้อยก็ให้คุณสวดมนต์บทนี้ เพราะชาติหน้าคุณจะรู้แล้วว่าคุณจะไปที่แห่งใด.....
.
บทความเพิ่มเติม
กรรมที่ให้ผลแรงที่สุด
การปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด
วิธีรู้ว่าบุญยังไม่เต็ม

วันศุกร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้องสวดมนต์ตลอดเวลา

อธิฐานก่อนทำบุญ
.....หลวงปู่ดู่ท่านบอกให้เราสวดมนต์ตลอดเวลา  ก็เลยไปทดลองสวดดู  ขณะนั่งกินข้าว ปรกติเวลาเรากินข้าวเราจะคิดเรื่องอร่อยบ้างไม่อร่อยบ้าง คิดเรื่องอกุศลบ้าง บุญบ้างปะปนกันไป แต่พอสวดมนต์ปรากฏว่าสวดได้  หมายความว่า  เราสวดมนต์จะช่วยระงับความคิดอกุศลกรรมให้เบาบางลง  พอสวดมนต์ก็ไปทับความคิดเดิมๆ ที่เราเคยคิด ทำให้เราอยู่กับปัจจุบันมากขึ้น ใจของเราจะนึกถึงแต่หลวงปู่ และก็พระพุทธเจ้า ตอนแรกๆ คิดว่าจะสวดยังไง เวลากินสวดไป กินไป พอดีไม่ได้กิน แต่สวดถึงรู้ว่า บทที่เราสวดไปทับความคิดไว้ได้หมด ไม่ให้ความคิดฟุ้งซ่าน 
.....หลวงปู่บอกว่า  แกไม่นึกถึงข้าก็ไม่นึกถึงเอ็ง  ...มีแม่ชีคนหนึ่ง(ไม่ขอออกนาม)เล่าให้เราฟังว่า  ไปถามคนที่ถูกหวย ทำยังไงถึงถูกหวย  คนที่ถูกหวยบอกว่า เขานึกถึงพระตลอดเวลาก็เลยถูกหวย
..... การที่เรานึกถึงพระตลอดเวลา จะทำให้สิ่งที่เราหวังเป็นจริงขึ้นได้เร็วกว่าปกติ เพราะเราสร้างกระแสจิตให้เชื่อมโยงอยู่ตลอดเวลา เหมือเราเป็นคนส่งสัญญาณไปหาแม่ข่าย  ถ้าเราส่งสัญญาณดี แม่ข่ายก็ตอบกลับดี  หากเราส่งสัญญาณไม่ดี  แม่ข่ายก็ส่งกลับไม่ดี  ส่งมาแบบติดๆ ดับๆ เช่นกัน ....สิ่งที่เราหวังไว้ก็จะมาแบบติดๆ ดับๆ ครึ่งๆ กลางๆ หรือ ไม่มาเลย
..... การสวดมนต์ตลอดเวลาจะทำให้เรามีสมาธิดี จิตดี และคิดดี เวลาจะใช้ความคิดอะไร ก็คิดออกได้อย่างรวดเร็ว เวลาต้องการอะไรแบบรีบเร่งก็มักจะได้ดังใจหวัง....ลองทำดู
..... แนะนำบทสวดมนต์ พระคาถามหาจักรพรรดิ ของวัดถ้ำเมืองนะ ให้เข้าไปหาในเน็ต ก็จะเจอเวปไซต์ เขามีแจกบทสวดมนต์ฟรี  และพระเครื่องให้ด้วย หรือ  พิมพ์คำว่า บทสวดมนต์ พระคาถามหาจักรพรรดิ ก็จะเจอ

บทความเพิ่มเติม
บุญ  23 อย่างที่ต้องทำ
การปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด
วิธีรู้ว่าบุญยังไม่เต็ม
 

วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วิธีรู้ว่าบุญยังไม่เต็ม


ปิดทองตาพระ

.....เวลาขอพรจากพระ ตั้งหลายครั้งก็ยังไม่ได้สักที  ขอมาเดือน เป็นปี เที่ยวเข้าวัดโน้น  วัดนี้ เข้าไปขอพรจากพระตั้งหลายที่ ขอให้คุณรู้ไว้เถอะว่า “บุญเราไม่เคยสร้าง แล้วใครที่ไหนเขาจะมาช่วยเจ้า”  ให้เราเริ่มทำบุญบ่อยๆ  คนที่มีกรรมหนัก ต้องทำเยอะหน่อย อย่างเช่น  ร่วมสร้างพระพุทธรูป  หรือ พระประทานในโบสถ์  และต้องทำด้วยความศรัทธา
การหล่อพระ

.....การขอพระขอเทวดาช่วย  พระท่านบอกไว้ว่า เราต้องมีทุนเดิมอยู่มาก เราต้องสร้างเหตุไว้มาก อย่างเช่นร่วมสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ถือศีล ปฏิบัติธรรม ใส่บาตรทุกวัน ทำสังฆทานทุกเดือน ถือศีล 8 ทุกวันพระ ถ้าทำได้ก็เป็นการสร้างเหตุไว้ เมื่อเราสร้างเหตุไว้ บุญเริ่มถึง ขออะไรก็ได้ง่ายๆ  ทำอะไรก็ได้ง่ายๆ  ทางจะสะดวก ดำเนินชีวิตก็เริ่มสะดวก ถ้าตอนนี้รู้สึกว่าทำอะไรไม่ขึ้นแล้ว 

.....ให้เราเริ่มสร้างเหตุไว้แต่เนินๆ เริ่มจากถือ ศีล 5 ก่อนเป็นอันดับแรก สำรวจตรวจตราตนเองว่าศีลห้า ข้อใดถือไม่ครบให้ถือให้ครบทุกข้อ 

.....เริ่มหาบทสวดมนต์มาสวด ขอแนะนำบทสวดมนต์ของหลวงพ่อจรัญ ให้สวดทุกวัน ทั้งเช้าและเย็น ใช้เวลาในการสวดประมาณ 15-25 นาที ก็เสร็จ

.....เริ่มหาทางไปปฏิบัติธรรม หาที่ใหนไม่ได้ ขอแนะนำ วันอัพวัน จ.สิงห์บุรี ก็วัดหลวงพ่อจรัญนั้นแหละ ไปที่นั้นสุดคุ้ม เพราะไม่ต้องจ่ายอะไร  เสื้อผ้าก็ไม่ต้องเตรียมไป ข้าวฟรี มีให้ทุกอย่าง ไม่ต้องเตรียมอะไรไป  ให้เตรียมกายใจให้พร้อมไปถึงปฏิบัติเลย...

วิธีรู้ว่าบุญยังไม่เต็ม ให้สังเกตว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณบ่อยไหม  ถ้าบ่อย ให้เริ่มหาทางเข้าวัดศึกษาธรรมะได้แล้ว ให้เริ่มหาธรรมะ เรื่องเกี่ยวกับปฏิจจสมุปบาทมาอ่าน เพราะเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา

..... มีปัญหารุ้มเร้า

.....เงินเริ่มไหลออก

.....จิตเร้าร้อนกระวนกระวาย

.....หงุดหงิดบ่อย

.....โมโหร้าย

.....เริ่มนอนดึก

.....นอนตื่นสาย

.....อาการหดหู่

.....เริ่มหาทางกู้หนี้ยืมสิน

.....เริ่มเข้าหาหมอดู

.....ความทดทนอดกลั้นไม่ค่อยได้

.....เงินเริ่มฝือเคือง

.....โรคเริ่มรุ้มเร้า

.....ทำอะไรก็ถูกขัดขวาง

.....ผิวพรรณไม่ผ่องใส ใบหน้าคล้ำเครียด.....

.....คิดลบตลอดเวลา  ถ้าคิดลบเรื่อยๆ รับรอง มันจะสะสมอยู่ในจิตคุณ ให้หันมาคิดบวกเข้าไว้ตลอดเวลาได้ยิ่งดี เพื่อให้จิตแจ่มใส โอ้ย เยอะแล้ว...ขอจบไว้แต่เพียงเท่านี้เอาเจอกันบทหน้า...โชคดี...อย่าลืม...ไปปฏิบัติธรรมเพื่อสร้างเหตุไว้เยอะๆ เกิดชาติใหนจะได้ไม่จน....

วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2556

จะรู้ได้อย่างไรว่าเรามี "ศรัทธา" มากแค่ไหน


ควมศรัทธา
การจะรู้ว่าเรามีศรัทธามากแค่ไหน  ไม่ยาก  เวลากราบพระแล้วรู้สึกอย่างไรให้สังเกต 

.....บางคนกราบเร็วปานจรวด คนประเภทนี้ คือคนกราบ ให้พอเสร็จไป ใจอยากให้เสร็จอย่างเดียว

.....กราบด้วยความเร่งรีบ นี้ไม่ได้ประโยชน์อะไร

.....คนที่มีศรัทธาแท้จริง ใจต้องถึงพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ 

.....ถึงอย่างไร   กราบจนรู้สึกขนลุกขนพอง  ใจพองโต (ลักษณะของใจพองโตคือ กราบแล้ว รู้สึกอิ่ม  ไม่ใช่อิ่มข้าวนะ )

.....คนมีศรัทธาเวลากราบพระแล้ว น้ำตาจะไหล เพราะอะไร พระใจ  ถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  รู้คุณค่าของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์  ถ้าน้ำตาไหลเมื่อไร  เมื่อนั้นแหละได้บุญมาก

.....คนที่มีศรัทธาเวลากราบแล้วอิ่มอกอิ่มใจ  มองเห็นพระที่ไรใจยินดีในบุญในกุศล

.....คนที่มีศรัทธาเวลากราบแล้วให้นึกถึงคุณของพระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ เป็นอาจินกรรม กราบเมื่อไรให้นึกคุณของพระพุทธ พระธรรมพระสงฆ์เมื่อนั้น (บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่า พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ มีคุณอย่างไร เอาไว้โอกาสหน้าจะเขียนบทความ คุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ )

.....เมื่อมีศรัทธาแล้ว จะเร่งรีบหาความรู้ทางธรรมะ ใส่ตัวเองตลอดเวลา

.....เมื่อมีศรัทธาแล้ว จะเข้าใจธรรมะ และรีบ หาทางให้ตนเองพ้นทุกข์ได้ทันที

เริ่มต้นศึกษาธรรม

วันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

9 วิธี การเข้าถึงธรรมะ


การเข้าถึงสมาธิ

1 คุณต้องมีศรัทธาเป็นอันดับแรก เมื่อเกิดศรัทธราแล้วก็เข้าไปหาผู้รู้  หรือ สัตบุรุษ
2 เมื่อเข้าไปหา แล้วก็เข้าไปนั้งใกล้ๆ 
3 เมื่อเข้าไปใกล้ๆ แล้วก็ตั้งใจฟัง
4 เมื่อตั้งใจฟังแล้ว ย่อมได้รับการรู้เรียนรู้ธรรมะ
5 เมื่อเรียนรู้ธรรมะ แล้ว ก็ย่อมจำได้  ท่อง  และจดจำ
6 เมื่อจำธรรมะได้แล้ว  ก็นำธรรมะมาพิจารณาใคร่ครวญ
7 เมื่อพิจารณาใคร่ครวญแล้วแล้ว ก็ลงมือปฏิบัติธรรม
8 เมื่อปฏิบัติ ทำตามธรรมที่ได้ใคร่ครวณ  ย่อมได้ผลของการปฏิบัตินั้น
9 เมื่อปฏิบัติทำจริงจัง ย่อมได้รู้ความจริงของกฏธรรมะชาติ

บทความอ่านเพิ่มเติม

วิธีเช็คว่าคุณมีธรรมะเป็นที่พึ่งหรืออย่างอื่นเป็นที่พึ่ง
ทำไมต้องทำอารมณ์ให้ชินกับความดี

วันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ทำไมต้องทำอารมณ์ให้ชินกับความดี

ทำไมต้องทำอารมณ์ให้ชินกับความดี
พระท่านกล่าวไว้ว่าให้ทำอารมณ์ให้ชินกับความดี  เพราะความดี จะนอนแช่อิ่มในดวงจิตใจเรา เมื่อเราทุกข์ขึ้นมาเราสามารถเรียกใช้ได้ทันท่วงที  เมื่อจิตของเราม้วนเข้าหาอกุศลกรรมใดๆ  ความดีที่ฝึกให้มีขึ้นในดวงจิต ย่อมสลายอกุศลกรรมทั้งหลายให้สลายลงไปได้ในทันท่วงที  เหมือนกับการ จุดเทียนในที่มืด  ความสว่างย่อมทำลายความมืดให้หายไป หรือ สลายไปได้ในพริบตา

ความดีที่เราจดจำ  ท่องบ่น อยู่ทุกวัน เมื่ออกุศลกรรมใดๆ  เข้าครอบงำจิต  ความคิดดีจะมาต่อต้าน  หากเราไม่ทำอารมณ์ให้ชินกับความดี หรือ ไม่เคยฝึกจิตให้เคยชินกับความดี  การจะต่อต้านกับอารมณ์ชั่ว ย่อมแพ้อกุศลกรรมที่มีมากกว่า  ยิ่งปัจจุบันนี้แวดล้อมด้วยอกุศลกรรมเป็นส่วนใหญ่  หาคนที่ฝึกอารมณ์ให้เคยชินกับความดีน้อยมาก บาปมิตรยิ่งมีเพิ่มขึ้นทุกทิวาราตรี หันซ้าย หันขวา เต็มไปด้วย  สิ่งเร้าทำให้อารมณ์อยู่ไม่สุข

เกิดเป็นคนทั้งทีต้องทำอารมณ์ให้เคยชินกับความดี  เพราะชีวิตนี้ช่างน้อยนัก  ลองมองขึ้นไปบนฟ้าอันกว้างใหญ่นี้ดูซิ คุณจะเห็นว่าตัวคุณนั้นเล็กนิดเดียว หรือ เป็นแค่ฝุ่นละอองดาวในจักรวาลแห่งนี้  ที่มีมาแล้วเป็น ล้านๆๆๆ ปี จนนับหรือ อะไรมานับความยาวนานของจักรวาลไม่ได้

ฉะนั้น พระท่านจึงบอกให้เราทำอารมณ์ให้เคยชินกับความดี  ให้เราคิดถึงความดีที่เราทำอยู่เป็นอาจิน  พระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า  สิ่งใดที่ทำเป็นอาจินกรรม  สิ่งนั้นย่อมให้ผลมาก  ถ้าเราทำอารมณ์ให้ชินกับความชั่ว บ่อยๆ มันจะกลายเป็นอาจินกรรมทางด้านความเลว  เมื่อเราตาย เราก็จะไปนรกทันที  ถ้าเราทำอารมณ์ให้เคยชินกับความดี ทำให้เป็นอาจินกรรม เมื่อถึงแก่ความตายเราย่อม ไปสวรรค์ทันที โดยไม่ต้องผ่านด่านยมทูต  และจะให้ผลดีในชาตินี้และชาติถัดไป

วันเสาร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การปฏิบัติธรรมอย่าอ้างว่าไม่มีเวลา

ภาพพระสงฆ์

การปฏิบัติธรรมอย่างอ้างว่าไม่มีเวลา เพราะเราสามารถปฏิบัติธรรมได้ทุกหนทุกแห่งที่เราไป ธรรมะอยู่ล้อมรอบตัวเรานี่เอง หรือ กายกับใจของเราเอง  ไม่ได้ต้องไปศึกษไกลๆ  แค่กายกับใจของเราเอง เมื่อย่อความมาแล้วก็แค่กายกับใจ   การอ้างว่าไม่มีเวลา สำหรับการปฏิบัติธรรม  คนๆ  นั้นกล่าวได้ว่าเป็นคนหลงอยู่ ยังต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนับไม่ถ้วน หรือ คนที่เตรียมตนไปสู่อบายภูมิ  หรือ เรียกๆ  สั้นว่าไปนรกนั้นเอง 

การปฏิบัติธรรมนั้นปฏิบัติได้ทุกเวลาและทุกที่  ไม่ว่าจะเป็นอิริยาบทใด เริ่มตั้งแต่การยืน  เดิน  นอน  นั่ง  ไม่เลือกเวลาและสถานที่   การแบ่งเวลาระหว่างการทำงาน และการปฏิบัติให้เท่ากัน หรืออย่างน้อยก็ควรหาหนังสือธรรมะมาอ่านบ้าง  เริ่มต้น  ยังดีกว่าไม่เริ่ม....เพราะเราคลาดหมายไม่ได้ว่าเราจะตายเมื่อไหร....เมื่อความตามมาเยือนไม่มีมัจจุราชองค์ช่วยท่านได้......มีเพียงตัวเราเองที่ช่วยเราได้  การทดสอบการปฏิบัตธรรมว่าได้ผลหรือไม่  หรือ ต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงปฏิบัติธรรมเห็นผล  อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจริงจังแค่ไหน
"พระพุทธเจ้าทรงแนะนำไว้ว่า ท่านทั้งหลายจงอย่านึกถึงความชั่ว ที่ทำมาแล้ว ความชั่วก็คือ บาป บาปก็คือ ความชั่วเราไม่ยอมนึกถึงมัน นึกถึงความดีอย่างเดียว ควบคุมจิตให้เป็นฌาน ให้ได้ทุกวัน ฌานก็ได้แก่ อารมณ์ชิน คิดไว้เสมอว่า เราจะเจริญสมาธิภาวนาได้ทุกอย่างเป็นพุทโธ วันหนึ่งเราสามารถทำได้สัก10 นาที 20 นาทีก็ตาม แม้จะมีเวลาน้อย และถ้าทำได้ ให้นึกถึงภาพพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งที่เราชอบ แล้วภาวนาอย่างนี้ทุกวันจนชิน อย่างนี้เรียกว่า เป็นฌาน " หลวงพ่อฤาษีลิงดำก็กล่าวอย่างนี้เหมือนกัน

เมื่อเราทำไปเรื่อยๆ  มันจะเกิดความเคยชิน  พระพุทธเจ้ากล่าวไว้ว่า  ทำให้มาก  เจริญให้มาก จักเป็นบุญบันดาน ให้เราได้ดีทั้งโลกนี้และโลกหน้า....มาดูบทความ  วิธีการเข้าถึงธรรม

วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การภาวนาที่ให้ผลใหญ่

ปากพระพุทธรูป

เวลาเราตื่นนอนใหม่ๆ  ให้เราส่งกระเสจิต เอาจิตมาจับตรงลิ้นปี่ แล้วส่งกระแสจิตคิดดังนี้


ภาวนาว่าสัตว์โลกทั้งหลาย ให้ได้เข้าใจถึงธรรมในเร็ววัน และทุกคนบนโลกใบนี้


๏ ขอให้สรรพสิ่งมีชีวิตเล็กน้อย เช่น  มด  ไม่ให้ตัวเราถูกเหยียบ  หากพลาดท่าถูกเราเหยียบหรือทำให้ตายโดยไม่เจตนา  เราจงภาวนาให้สัตว์เล็กน้อย  เหล่านั้นจงไปบังเกิดในภพภูมิที่ดีกว่าเดิมด้วยเทอญ


๏ เวลาที่เราเดินทางไปไหนก็ตาม ไม่ว่าจะไปท่องเที่ยว หรือมีเหตุให้ต้องเดินทางให้เราภาวนาอยู่เสมอว่า ให้สัตว์โลกทั้งหลาย สามมารถข้ามให้พ้นต่อการเกิดแก่เจ็บตาย  ข้ามให้พ้นแดนแห่งวัฏฏสงสาร


๏ เวลาที่เราจะออกจากประตูบ้านของเรา ให้ภาวนาว่า ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายจงปราศจากอุปสรรค์ทั้งหลาย และพบเจอแต่ความดีตลอดไป (ความดีในที่นี่ หลวงปู่ดู่ท่านบอกว่า หมายความรวมถึง ความมีโชคมีภาพ ความร่ำรวย  และอื่นอีก  แต่ท่านให้ใช้คำว่าความดีแทน)


๏ เวลาที่เราขับถ่าย  ควรภาวนาบ่อยๆ  ว่า  ขอให้สัตว์โลกทั้งหลาย จงละทิ้งความโกรธ ความโลภ ความหลง ความริษยา ออกจากจิตด้วยเทอญ


๏ เวลาที่เราชำระล้างสิ่งสกปรกให้ภาวนาว่า ขอสัตว์โลกทั้งหลาย จงทำจิตตนเองให้ใสสะอาด สว่าง สงบ ปราศจากสิ่งชั่วร้ายผิดบาป ความเห็นผิดทั้งหลายมาครอบงำจิตด้วยเทอญ


๏ เวลาที่เราเปิดไป (จุดตะเกียง)  ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายสามารถใช้สติความนึกคิด หรือ ใช้ปัญญา ส่องสว่างทำลายความหลงทั้งปวงให้หมดสิ้นไปด้วยเทอญ


๏ เวลาเราจะเข้าน้อน ขอให้สัตว์โลกทั้งหลายที่มีเลือดเนื้อและจิตใจ ให้มีแต่จิตใจที่สงบ  ไม่วอกแวกวุ่นวาย มีความสงบทั้งทางจิตและทางกายด้วยเทอญ

การที่ใช้คำภาวนา นี่จะส่งผลให้เราได้รับแต่สิ่งดี และให้ผลใหญ่ เพราะการทำให้ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนผลของการภาวนานี้ย่อมได้รับผลใหญ่ตามมา...

บทความเพิ่มเติม
ทำไมต้องทำอารมณ์ให้ชินกับความดี
การปฏิบัติบูชาพระพุทธเจ้าอย่างสูงสุด
กรรมที่ให้ผลแรงที่สุด