วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566

การทรงอารมณ์พระนิพพานให้ได้ทุกๆวัน

💥การทรงอารมณ์พระนิพพานให้ได้ทุกๆวัน 

🌹อารมณ์ที่เราจะไปนิพพานได้ก็คือ..
 ๑. โลภะ ความโลภ เราก็จะพยายามทิ้งความโลภ การทิ้งความโลภนี่อย่าเข้าใจผิดว่า การขยันหมั่นเพียรเป็นความโลภอันนี้ไม่ถูก ความโลภจริง ๆได้แก่การไปยื้อแย่งทรัพย์สินสมบัติของเขา ขโมยของเขา โกงเขา อันนี้จะไม่มีในจิตของเรา เราจะพอใจเฉพาะทรัพย์สินที่เราหามาได้โดยชอบธรรม จะขยันหมั่นเพียรให้รวยเท่าไหร่ก็ตาม ท่านไม่เรียกว่าโลภ เรียกว่าสัมมาอาชีวะ หาเลี้ยงชีพโดยชอบธรรม ใช้ได้

  🌹๒. เราจะบรรเทาความรู้สึกที่จะเป็นศัตรูกับใคร เราจะเป็นคนมีเมตตาจิต ถ้าเรายังไม่ถึงอนาคามีเพียงใด อารมณ์ใจที่ไม่ชอบใจใครย่อมมี แต่ถ้าอารมณ์ดีขึ้นมาก็คิดว่า คนเราจะฆ่าเขาก็ตาย ถ้าเราไม่ฆ่า เขาก็ตาย เราจะแกล้งเขาให้มีความทุกข์ เขาก็มีความทุกข์ เราไม่แกล้งเขาก็มีความทุกข์

 ฉะนั้นความทุกข์ก็ดี ความตายก็ดีมันมีกับเขาแล้ว ปล่อยไปตามสภาพของเขา เขาทำไม่ดีกับคน ในเมื่อคนทั้งหลายเป็นศัตรูกับเขา เขาจะมีความสุขไม่ได้ เราจะให้อภัยกับความชั่วนั้นแก่เขา เราจะไม่ทำ​ หลังจากนั้นก็ตัดโมหะความหลง ตัวสำคัญ ถือว่าการเกิดในมนุษยโลก เต็มไปด้วยความไม่เที่ยง และประกอบไปด้วยความทุกข์ แล้วในที่สุดมันก็จะต้องพังไป

 "เราจะยอมรับนับถือกฏธรรมดา อะไรจะเกิดมายอมรับทุกอย่าง คิดว่าชำระหนี้กฏของกรรมเป็นครั้งสุดท้าย" ถ้าร่างกายนี้พังเมื่อไร ถือว่าบ้านเลว ๆ เราจะทิ้งมัน ที่เต็มไปด้วยความสกปรกโสโครก ทิ้งบ้านคือร่างกาย ทิ้งไว้ที่โลกนี้เราจะนำเอากายทิพย์ หรือว่ากายนิพพานของเราขึ้นไปสู่พระนิพพาน" ไปอยู่ที่นั่นเต็มไปด้วยความสุขสำราญ..

  #ท่านที่ได้มโนมยิทธิ ก่อนจะหลับตัดสินใจ หัวถึงหมอนไม่ต้องนั่ง พุ่งใจไปนิพพานก่อนสัก ๒ - ๓ นาที ตัดสินใจว่าถ้าร่างกายพังเมื่อไรเราขออยู่ที่นี้จุดเดียว

✨เวลาตื่นขึ้นมาใหม่ ๆ พุ่งใจไปนิพพานตรง ไม่ต้องลุกมานั่ง ไม่จำเป็น คือถ้าจิตมันจะเคลื่อน เวลาที่เราตั้งใจไปนิพพาน เพื่อก่อนหลับจิตจะทรงตัวอยู่ในอุปสมานุสสติกรรมฐาน คือมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ สมาธิมันจะทรงตัวตลอดเวลาหลับ ตื่นขึ้นมาฌานตัวนั้นยังอยู่ ถ้าลุกมามันจะเคลื่อน ถ้าหากมันจำเป็นถ้าเข้าห้องส้วม ห้องน้ำนี่ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อจำเป็น กลับออกมาแล้วมันอยากจะนั่งหรืออยากจะนอน ตามใจมัน อย่าไปฝืนร่างกาย ต้องปล่อยให้ร่างกายสบาย อย่าไปฝืนใจเรา

  ร่างกายสบาย ก็รวบรวมกำลังใจ คิดว่าโลกนี้เลวเป็นทุกข์ เราไม่ต้องการมัน เทวโลกและพรหมโลกสุขไม่จริงเราไม่ต้องการ เราต้องการนิพพาน พุ่งใจไปใหม่ ให้พบสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำจิตให้เป็นสุข แล้วอธิษฐานจิตว่า ถ้าร่างกายพังเมื่อไรขอมาที่นี่จุดเดียว อย่างนี้ทุกคนพ้นทุกข์ คือไปนิพพานแน่ สวัสดี.."

🌺คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดจันทา​ราม​(ท่าซุง) ต.น้ำซึม อ.เมือง จ.อุทัยธานี
📙พิมพ์​จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ ปีที่ ๖ ฉบับที่ ๕๓ หน้า ๔๐ 
📍เพจ:คำสอนหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

🖊️พิมพ์​ธรรมทาน นภา​ อิน❤️❤️❤️

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทสวดมนต์แก้กรรม


จากการศึกษาธรรมะไม่มีบทสวดมนต์บทไหนแก้กรรมของเราได้ จะพูดให้ง่ายๆ ก็คือ บทสวดมนต์แก้กรรมไม่มี เพราะกรรมที่เราทำไปแล้วไม่มีทางแก้ไขได้ ไม่ว่าเราจะไปที่ใดกรรมที่เราทำไว้แล้วนั้นจะตามให้ผลเราจนได้ ไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งจะต้องเจอจนได้ หากไม่เจอชาตินี้ ก็ต้องเจอชาติหน้า หนีไม่พ้น

บทสวดมนต์แก้กรรมนั้นไม่มี มีแต่สวดมนต์แล้วบุญเราเพิ่ม บทสวดมนต์จะเป็นเกาะคุ้มภัยให้เรา และเมื่อเราหมั่นสวดเป็นประจำก็จะทำให้เราหนีกรรมเก่า หรือหนีกรรมที่เราทำไปแล้วได้ทันเวลา เมื่อบุญเพิ่มกรรมก็ตามไม่ทัน บุญก็ให้ผล ต่อเมื่อบุญหมด กรรมทั้งหลายก็จะมาให้ผลเราทันที พระท่านถึงบอกว่าให้เรานิพพานซะกรรมทั้งหลายก็จะกลายเป็นอโหสิกรรม งดให้ผลทันที

การที่เราจะนิพพานนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและก็ไม่ใช่เรื่องยาก หากทำจริงๆ จังๆ ก็สามารถทำให้บรรลุได้ในชาตินี้ เว้นเสียแต่ว่าจะอยากนิพพานกันหรือเปล่า ฉะนั้นหมั่นสวดมนต์กันมากๆ จะได้หนีกรรมเก่าได้พ้น การสวดมนต์มากๆ ก็ทำให้เราหลุดพ้นจากทุกข์ได้เหมือนกัน คนไหนกำลังหาบทสวดมนต์แก้กรรมอยู่ ก็ขอแนะนำสวดทำวัตรเช้าและวัตรเย็นให้เป็นปกติเพราะสมัยพุทธกาลก็นิยมสวดทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็นด้วยกันทั้งนั้น และอย่าลืมถือศีล 5 ด้วยจะได้หนีกรรมเก่าได้ทันในชาตินี้ผู้เขียนขอแนะนำให้สวด...

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทสวดมนต์เย็น



สมัยนี้การค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้ง่ายกว่าการค้นหาสมัยแต่ก่อน ตอนนี้เราอยากรู้อะไรก็สามารถค้นหาข้อมูลได้รวดเร็วแค่ปลายคลิ๊กก็รู้เรื่องราวที่อยากรู้ได้ในเวลาอันรวดเร็ว แต่สมัยนี้คนให้แต่คอมพิวเตอร์ทำงานทำให้สมองไม่รู้จักจดจำ ไม่รู้จักจดจำก็เลยทำให้กลายเป็นโรงสมองเสื่อมกันเหมือนที่เห็นกันในทุกวันนี้ ไม่ได้ใช้สมอง สมองก็ไม่ได้พัฒนามัวแต่ให้คอมจำให้ การสบายเกินไปก็ทำให้ตนเองลำบากได้เหมือนกัน

เขียนมาตั้งนาน ผู้อ่านก็คงจะสงสัยว่ามันเกี่ยวอะไรกับบทสวดมนต์เย็น  มันก็ไม่เกี่ยวกันเสียทีเดียว แต่ก็มาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า บทสวดมนต์เย็น หากคุณไม่ได้ชอบบทสวดมนต์บทไหนเป็นพิเศษ ผู้เขียนก็ขอให้คุณผู้อ่าน ใช้บทสวดมนต์เย็น เป็นบทสวดทำวัตรเย็นมากกว่าบทสวดอื่น เพราะสมัยพุทธกาลก็ได้สวดบทสวดมนต์เย็นเป็นบทสวดทำวัตรเช้าและเย็นด้วยกันทั้งสิ้น จนมาสมัยนี้แหละที่คนไทยได้ห่างหายจากการสวดมนต์เย็นกันไปมาก เพราะอาจจะคิดว่าสวดแล้วไม่ได้ผล ก็เลยเลิกสวดกันไป ผลไม่ปรากฏในปัจจุบันก็เลยพลอยทำให้หมดศรัทธาในการสวดไป

แต่อย่าลืมนะว่าเราไม่ได้เกิดมาเพียงชาตินี้ชาติเดียวเราเกิดมานับชาติครั้งไม่ถ้วน บนโลกใบนี้เต็มไปด้วยกองกระดูกของมนุษย์ทั้งสิ้นไม่มีพื้นดินใดในโลกนี้ที่เราไม่ยืนบนกองกระดูด ทุกส่วนบนโลกใบนี้ล้วนเต็มไปด้วยกองกระดูกทั้งสิ้น การสวดมนต์เย็นเป็นการสร้างสมบารมีเพื่อภพอื่นๆ ของเราจะได้สุขสบายไม่ลำบากเหมือนชาตินี้ ผู้เขียนก็ขอแนะนำบทสวดมนต์เย็นคือบทสวดทำวัตรเย็น และหากอยากสวดเพิ่มเติมก็ตามแต่ที่เราชอบและให้ความสำคัญ.....

วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทสวดมนต์แผ่เมตตา



บทสวดมนต์แผ่เมตตาไม่มี มีแต่บทแผ่เมตตา และแต่ละบทก็มีจุดหมายไม่เหมือนกัน มันขึ้นกับว่าเราจะใช้เพื่อจุดหมายใด อย่างเช่นบทสวดพรหมวิหาภาวนาใหญ่ เป็นบทสวดครอบจักรวาลเมตตาไปทั่วจักรวาล หากใครสวดได้ก็จะเป็นการช่วยเหลือภพอื่น และช่วยเหลือตนเองให้มีจิตที่เมตตาต่อตนเองและเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองรวมทั้งสัตว์ในโลกอื่นด้วย อย่างเช่นโลกของเปรตที่พวกเขารอส่วนบุญ และเทวดาก็ได้บุญด้วยถ้าเขาร่วมอนุโมทนาบุญกับเรา เมื่อเราสวดมนต์ไม่ว่าจะเป็นบทใด เทวดาท่านก็จะเฝ้ารักษาคนสวดให้ปลอดภัยจากภัยทั้งหลาย เพราะเทวดาชอบฟังบทสวดมนต์

การจะสวดมนต์บทแผ่เมตตาบทพรหมวิหาภาวนาได้ คนๆ นั้นจะต้องมีความอดทนสูงและจิตใจต้องเป็นเมตตาตามบทสวดมนต์ตามนั้นให้ได้อย่างจริงจังผลนั้นจะสำเร็จได้ง่ายๆ อย่าสักแต่ว่าสวดไปเรื่อยๆ ผลนั้นจะไม่สำเร็จได้ และถ้าอยากได้บุญมากๆ ก็ต้องสวดพร้อมกับมีศีล 5 ไปด้วย ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็สำเร็จได้โดยง่าย สิ่งที่เราหวังก็จะสำเร็จได้โดยเร็ว และถ้าใครรักษาศีล 5 พร้อมกับสวดมนต์ก็เป็นการสะสมบุญบารมีของตนไว้เผื่อภพชาติต่อๆ ไป และอย่าคิดว่ามีเพียงชาตินี้ชาติเดียว ขอบอกว่าคุณตายเกิด ตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว หากคุณเริ่มสะสมบุญคุณก็จะสะลัดออกจากทุกข์ได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ เริ่มทำแต่วันนี้เพื่อวันข้างหน้าที่เป็นสุขตลอดไปและถาวร....

วันพฤหัสบดีที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

บทสวดมนต์ประจำวัน



ขอแนะนำบทสวดมนต์ประจำวันก็ควรจะเป็นบทสวดมนต์ทำวัตรเช้าและทำวัตรเย็น เพราะว่านิยมสวดกันมาตั้งแต่สมัยที่พระพุทธเจ้าพระองค์ท่านยังมีพระชนชีพอยู่ และได้สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน แต่คนสมัยยุคปัจจุบันกลับมองข้างไม่สนใจในการสวดมนต์ และส่วนใหญ่แล้วไม่ว่าวัดไหนก็นิยมสวดมนต์ประจำวันก็คือสวดทำวัตรเช้า และทำวัตรเย็นกันทั้งสิ้น หากวัดไหนสวดออกนอกแนวนี้ส่วนมากก็ไม่ใช่สายของพุทธแท้

ฉะนั้นควรจะสวดมนต์ทำวัตรเช้าและเย็นให้เป็นกิจวัตรประจำวัน การสวดมนต์มีคุณอนันต์ อย่างคาดไม่ถึง นอกจากจะทำให้เรามีสติแล้วยังช่วยให้เราพ้นทุกข์ได้ และสามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับชีวิตของเราได้อีกด้วย ส่วนบทสวดมนต์บทอื่นๆ ก็ขอแนะนำว่า ให้สวดทำวัตรเช้าและเย็นเสียก่อน แล้วค่อยเลือกสวดบทอื่นๆ ที่เราชอบและที่เราอยากจะสวด

บทสวดความรัก



ในโลกนี้มนุษย์ดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ได้ก็เพราะว่า มีความรักเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างกัน และก็ทำให้คนเราหลงยึดติดกับความรักแกะแทบไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นความรักของพ่อแม่ ของแฟน ของคนรองข้าง ล้วนถูกเชื่อมโยงไว้ด้วยจิตจนก่อเกิดเป็นกรรมตามมาอีกนับไม่ถ้วน เพราะความรักทำให้หลายคนหลงยึดติดอยู่ในบ่วงแห่งกรรมจะหนีก็หนีไม่พ้นเพราะเราเป็นคนผูกเอาไว้เอง บางคนก็สมหวัง บางคนก็ผิดหวัง บางคนก็เบื่อหน่ายกับความรักแต่ก็จำต้องทนเพราะบางอย่าง

บทสวดความรักไม่มีหรอก มีแต่บทสวดความรักของพระพุทธเจ้าที่พระองค์เมตตาแก่มวลสัตว์ฝากเอาไว้เพื่อให้เราได้พ้นทุกข์จากความรัก พ้นจากวัฎฎะสงสารนี้แหละคือบทสวดความรักของพระพุทธเจ้าที่มอบเอาไว้ให้เราได้เก็บเอวไว้เพื่อทำตนเองให้มีสติปัญญากับทุกเรื่องและจะได้แก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างลง

สำหรับบางคนที่ผิดหวังในความรัก ก็ย่อมหาทางให้ความรักของตนเองสมหวังทุกทาง บางคนสวดมนต์ภาวนาชีวิตรักก็ดีขึ้น บางคนก็ไม่ดีขึ้น บางครั้งเราก็ต้องช่วยตัวเราเองบ้าง และหันกลับมามองตัวเองเสียใหม่ อย่าเอาชีวิตของเราไปฝากไว้กับบางสิ่งบางอย่าง หากเราไม่ยึดติดกับอะไรเราก็จะไม่ทุกข์กับอันนั้น ที่จริงหัดปล่อยวางเสียบ้างก็ดี เพราะทุกอย่างล้วนเกิดจากเราเป็นคนสร้างกรรมของตนเองทั้งสิ้นไม่มีใครหนีกรรมของตนเองที่เราสร้างขึ้นไว้ได้ หากอยากรู้ว่าเรามีกรรมชนิดใดติดตัวลองมองดูศีล 5 ว่าเราทำผิดข้อไหนบ้าง แล้วเราจะแก้กรรมหรือแก้ไขความรักของเราได้....

วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การสวดมนต์ก่อนนอน



การสวดมนต์ก่อนนอนเป็นสิ่งที่ดีและควรปฏิบัติเพราะนอกจากจะป้องกันสิ่งไม่ดีแล้ว ยังเป็นการระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยอีกด้วย และจัดเป็นกรรมฐานกองหนึ่ง คือ พุทธานุสติ ธรรมานุสติ สังฆานุชสติ คือ เป็นการระลึกนึกถึงคุณของพระรัตนตรัยก่อนนอน หากว่าเราเจ็บป่วยหรือมีเหตุให้เรามีอันต้องเป็นไปหรือ ตายในระหว่างนี้ ก็จะทำให้เราไปสวรรค์แทน เพราะจิตเราระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า บุญอันใหญ่นี้จะทำให้คนที่ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือ การสวดมนต์ก่อนนอนที่ทำเป็นประจำ เมื่อตายไปแล้วก็จะเข้าสู้สวรรค์ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยฝึกจิตของตนเองให้เคยชิน หากเราสวนมนต์ก่อนนอนจนเป็นกิจจะลักษณะแล้วก็จะทำให้เราจิตไม่ตก หรือไม่หลงตาย ก็จะทำให้เราไปสวรรค์ได้ง่ายกว่าคนที่ไม่เคยฝึกให้เคยชิน

ฉะนั้นเมื่อเราเกิดมาเป็นชาวพุทธทั้งที หากทั้งวันเราทำผิดศีลไปบ้าง แต่เมื่อเราหมั่นสวดมนต์ก่อนนอนก็จะทำให้เราพบจุดหมายปลายทางที่ดีก่อนที่เราจะตาย หากตายก็ตายดี และเมื่อหมดบุญจากสวรรค์เราก็จะโชคดีกว่าคนที่ไม่เคยทำ และเป็นการสะสมบุญบารมีของเรา เพื่อให้หลุดพ้นจากทุกข์ หรือ หลุดพ้นจากวัฏฏะสงสารที่พวกเราเวียนว่ายตายเกิดมานับชาติไม่ถ้วน หมุนเวียนไปไม่จบสิ้น หากใครเจอกับทุกข์อยู่ ก็แบ่งเวลาก่อนนอนวันละนิดสะสมบุญไว้ เพื่อเตรียมสะเบียงไว้เลี้ยงตนเองในชาติต่อไป......

วันจันทร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2557

การสวดมนต์



การสวดมนต์เป็นสิ่งที่คนสมัยก่อนๆ เขานิยมสวดกัน แต่ยุคปัจจุบันนี้ไม่นิยมสวดมนต์กัน ถ้าไปประเทศทิเบตเขาจะนิยมสวดมนต์กันเป็นประเพณี แต่ประเทศไทยกลับมองข้ามไป ความเป็นคนในร่างมนุษย์ก็ลดน้อยลงไปทุกขณะ ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้เราหลงลืมอะไรบางอย่างไป ทำให้คนไทยส่วนใหญ่ไม่เห็นคุณค่าของการสวดมนต์ หรืออาจไม่ได้รับการถ่ายทอดมาจากพ่อและแม่ ทำให้คนไทยไม่สนใจในการสวดมนต์ ความเจริญทางด้านวัตถุมีมาก แต่ใจคนกลับเสื่อมลง คุณธรรมในใจก็ลดน้อยลง และเมื่อคนเรายึดวัตถุเป็นที่พึ่งเมื่อยามที่เขามีปัญญาเขาจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เหมือนคนที่มีธรรมะเป็นที่พึ่ง และฝึกจิตของตนเองอยู่เสมอ สุดท้ายเขาก็จะเลือกทำสิ่งที่ผิด ทีนี้เขาก็จะได้รับสิ่งไม่ดีตอบแทนกลับแล้วอย่างนี้จะโทษใครได้นอกจากตัวเราเอง.....จึงอยากให้คุณผู้อ่านบอกต่อคนอื่นให้สนใจในการสวดมนต์มากๆ เพื่อช่วยตัวเราเองและคนอื่นอีกด้วย เราก็จะได้บุญอีกด้วย (ดูเอาเถอะว่าโลกปัจจุบันนี้เป็นอย่างไร)

การสวดมนต์มีคุณอนันต์มากมายนัก ยกตัวอย่าง อย่างเช่น ช่วยขับไล่สิ่งที่เป็นอัปมงคลออกไปจากตัวเรา สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองผู้สวดมนต์ ไปไหนก็ปลอดภัยจากอันตราย เมื่อตายไปเราก็ไม่ตกนรกได้ไปสวรรค์แทน แก้ไขเคราะห์กรรมจากหนักให้เป็นเบา ได้ปัญญา  ได้สะสมบุญบารมีตนเพื่อทำตนให้หลุดพ้นจากทุกข์ ทำให้เราเข้านิพพานได้ง่าย ทำให้อารมณ์ของเราแจ่มใสหรือมีสติทุกครั้งเมื่อเกิดปัญหาใดเราก็จะมีสติในการแก้ไขปัญหา เป็นต้น