หน้าที่ของพระภิกษุ ก็คือ ทำตนเองให้หลุดพ้นจากอาสวะกิเลส
เมื่อตนเองหลุดพ้นจากอาสวะกิเลส กลายเป็นพระอรหันต์ และก็มีหน้าที่ช่วยเหลือหรือเป็นที่พึ่งให้เราซึ่งเป็นปุถุชนที่หนาไปด้วยกิเลส
คือ รัก โลภ โกรธ หลง ลดน้อยลงหรือหมดไปจากใจเช่นกัน....
จากทุกวันนี้จะเห็นว่า
พระภิกษุบางรูปทำหน้าที่ของพระภิกษุไม่เหมาะสมกับการได้ถือบวช ซึ่งพระท่านผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบท่านกล่าวเอาไว้ว่า
พระภิกษุที่ไม่ทำตามหน้าที่ของตนถือว่า ซื้อนรกให้ตนเอง พระท่านบอกว่า
พระสมัยนี้เตรียมตัวลงนรกเยอะมากว่าไปนิพพาน....
ทีนี้เราเป็นปุถุชนที่ไม่รู้ก็อย่าได้ไปตำหนิท่านเด็จขาด
พระว่าท่านทำบาปเอง ท่านก็รับไปเอง
พระนี่ถ้าตกนรกนี้ถือว่าตกนานกว่าเราที่เป็นปุถุชนมากนัก พระหลอกลวงชาวบ้าน
หากินกับผ้าเหลืองทำให้ศาสนาเสื่อมเสีย....อันนี้ตกนรกยาวนานมากๆ พระพุทธเจ้ามาตรัส
2-3 องค์ก็ยังไม่พ้น...
แล้วอีกอย่างหากเราไปตำหนิกรรมของผู้อื่น
ก็เท่ากับว่าเราเป็นผู้ร่วมขบวนการด้วย เราก็มีส่วนได้ส่วนเสียด้วย อย่างเช่น
มีพระองค์ท่านเล่าให้ฟังว่า เหตุที่ทำให้พระอริยเจ้าตกเครื่องบินตายพร้อมกัน 5
องค์
ก็เหตุที่เมื่อชาติก่อน 1 ในห้าองค์ เห็นลังนกเข้าก็เลยจะเอาไข่ไปกิน
แต่ว่าในรังนกไม่มีไข่ มีลูกนก 3 ตัว
เมื่อรังตกมา ลูกนกก็ตาย พร้อมกัน สามตัว
และมีหญิงสาวคนหนึ่งที่เป็นน้องสาวของพระทั้ง 5 ก็มายืนเชียร์ เอาใจช่วยให้รังนกตกลงมา
ผลปรากฏว่า มาชาตินี้ทำให้ท่านทั้ง 5 องค์
ตกเครื่องบิน พร้อมกับคุณหญิงคนหนึ่งพึ่งกลับมาจากทำบุญ (เมื่อชาติก่อนคุณหญิงคนนี้เคยเป็นน้อยสาวของพระ
1 ในห้าองค์ เมื่อชาติที่แล้ว ที่เป็นคนคอยยืนเชียร์ให้รังนกตกมา) ทำให้ตายร่วมกัน
นี่แหละคือผลแห่งการ ร่วมยินดีในกรรมของผู้อื่น เราก็จะได้รับเช่นกัน
เราจึงควรหันมายินดีในกรรมดี หรือการทำความดีของผู้อื่นดีกว่า เพราะเราก็จะได้รับส่วนนั้นด้วย...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มาคุณกัน