นี่เป็นเรื่องเล่าความดี แบบเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นจริง
นำมาเล่าสู่กันฟัง
กาลครั้งหนึ่ง มีหญิงสาวผู้หนึ่ง เธอมาทำงานที่กรุงเทพเป็นเวลาหลายปี
เธอก็อยากกลับบ้าน เพื่อไปเยื่ยมเยือนพ่อของเธอที่อยู่ต่างจังหวัด
เมื่อเธอมาถึงบ้านนอกคอกนา ที่เธอเคยอาศัยอยู่เมื่อยังเป็นเด็ก
เธอก็ได้ก้มลงกราบเท้าพ่อของเธอ เพื่อเป็นการระลึกถึงบุญของพ่อที่ให้กำเนิดเธอมา
และก็มีหลานสาวของเธอ วิ่งเข้ามาทักทาย วิ่งเข้ามากอด
เธอรู้สึกดีใจมากที่ได้กลับบ้านมาครั้งนี้
เธอจึงได้ออกไปสำรวจรอบๆ บ้านว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง
และได้ชวนหลานของเธอเดินเล่นออกไปยังทุ่งนา ด้วยอากาศยามเย็นแสนจะสบาย
ลมพัดมาแต่ละทีสดชื่นอย่าบอกใคร เธอและหลาน
ได้เดินไปเห็นเด็กชายกลุ่มหนึ่งกำลังจับปลาในหนองเล็กๆ
ที่ไม่มีน้ำอยู่มีแต่ขี้โคลน เธอก็เหลือบไปเห็นปลาช่อนขนาดเท่านิ้วก้อย
และปูอีกประมาณ 3-4 ตัว เธอจึงขอจากเด็กชายกลุ่มนั้น แต่เด็กชายก็ได้แต่ทำเฉย
เธอจึงได้ควักเงินที่ติดกระเป๋ามาแค่ 20 บาท ให้กับเด็กชายกลุ่มนั้น
เด็กชายกลุ่มนั้นก็ยอมขายให้เธอ
เธอจึงได้ร้องขอให้เด็กชายหาถุงมาใส่พร้อมกับน้ำ เพื่อไม่ให้ปลาตายเพราะขาดน้ำ
เธอจึงเหลือบไปเห็นรถอีแต๋น บนรถมีถังน้ำ เธอจึงขอน้ำเพื่อเอามาใส่ถุงปลาช่อน
ที่กำลังหายใจ พงับๆ กำลังจะตาย พอปลาช่อนตัวนั้นได้ไปอยู่ในน้ำที่อยู่ในถุง
ก็ชดชื่นขึ้นมาทันที
เธอก็เดินจากไปจากเด็กชายคนนั้น พร้อมปูและปลา
เธอจึงคิดว่าจะเอาไปปล่อยที่คลองข้างบ้าน แต่ก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะว่า
ข้างหน้ามีหนองน้ำอยู่พอที่ปลาจะอยู่ได้ไปถึงหน้าฝนที่กำลังจะมาอีกในไม่กี่เดือน
เธอจึงได้ตัดสินใจปล่อยปลาช่อนตัวนั้นลงหนองน้ำนั้นพร้อมกับปูอีก 4 ตัว
เป็นอิสระ
หลานสาวก็มองหน้าเธอด้วยความแปลกใจเพราะยังเด็กนักไม่รู้ประสาอะไร
เธอก็ได้แต่เพียงยิ้ม
และเธอก็คิดว่าเหตุการณ์ในวันนี้ก็คงจะปลูกฝังเข้าไปในจิตสำนึกของหลานสาวเธอบ้างไม่มากก็น้อย โดยการทำเป็นแบบอย่างให้เธอได้ดู เพื่อให้เธอได้มีเมตตาต่อสัตว์โลก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มาคุณกัน