วันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ธรรมะคลายทุกข์



ธรรมะคลายทุกข์ให้เราได้จริงๆ เพราะผู้เขียนเคยประสบความทุกข์เกี่ยวกับงาน เรียกได้ว่าเคียดมากจนคิดอยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป  การที่เราถูกหลอก ถูกโกง มาครั้งแล้วครั้งเล่าก็นับได้ว่าเป็นประสบการณ์ให้ต้องจำ และนำมาปรับปรุงตัวเองให้ดีขึ้น แต่ก็มิวายต้องถูกโกง ถูกเอารัดเอาเปรียบอีก มันอาจจะเกิดจากกรรมเก่าของผู้เขียนที่เคยโกง เคยเอาเปรียบเขาไว้แต่อดีตก็เป็นได้ แต่มันจะเกิดจากอะไรก็แล้วแต่

ผู้เขียนใช้ธรรมคลายทุกข์ได้  เมื่อทุกข์หรือเครียดขึ้นมาที่ไรผู้เขียนจะนำธรรมะของพระพุทธเจ้ามาเตือนตนเองอยู่เสมอ และก็ได้ผลทุกครั้งไป พอให้คลายทุกข์ไปได้ชั่วคราว ทำให้เรายอมให้อภัยเขาโดยง่ายขึ้น และข้อความต่อไปนี้เป็นสิ่งที่ผู้เขียนมีทุกข์หรือเป็นกังวลเรื่องอะไร จะใช้คำเหล่านี้เตือนตนเองเสมอ ลองนำไปปรับใช้กับตัวเองดูนะค่ะ....
เราเครียดเรื่องอะไร เครียดแล้วใครทุกข์ ก็เราเองที่ทุกข์ คนที่เราโกรธ เกลียด เคียดแค้นชิงชัง เขาไม่ได้รับรู้กับเราด้วย เรารู้อยู่คนเดียว ทุกข์ อยู่คนเดียว กังวนอยู่คนเดียว ร้อนใจอยู่คนเดียว เคียดอยู่คนเดียว ร้องไห้คนเดียว แล้วเราจะยอมทุกข์ทำไม เมื่อมันเป็นธรรมดาของชีวิตที่เกิดมา ย่อมจะมีทุกข์ สุข สมหวัง หัวเราะ ร้องไห้ เป็นประจำของโลก ทุกข์ไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะมันเกิดโทษแก่ตัวเราเอง 

“โลกนี้ล้วนว่างเปล่า เดี๋ยวเราก็ตาย มันก็ตายเหมือนกัน โลกนี้ไม่มีอะไรที่เราจะยืดถือ จะอยากได้ จะอยากเอา แม้แต่ร่างกายที่เรียกว่าขันธ์นี้เราก็ไม่ต้องการ ข้าวของที่อยู่ในห้องนี้ก็ไม่ต้องการ ไม่อยากได้ ทุกอย่างต่างก็เสื่อมก็สิ้นไปตามกาลเวลา ไม่มีอะไรคงทนถาวร ขอทุกข์เพียงชาตินี้ชาติเดียวชาติต่อไปเราจะไม่ทุกข์อีก ตายจากชาตินี้ก็จบกัน ขันธ์ห้าเอ๋ย เราจะไปอยู่ตามภพภูมิที่เราปรารถนา เราไม่ปรารถนาในภพนี้อีกแล้ว” (ใครครวญแบบนี้เมื่อมีทุกข์ และทำทุกวันในระหว่างที่เรานอนก่อนหลับ จะช่วยให้เราคลายทุกข์ได้ หรือใช้กรรมฐานหมวดอื่นมาเสริมได้อย่างเช่น อสุภะกรรมฐานมาพิจารณา คุณรู้ไหมว่าเมื่อเราพิจารณาถึงหลักความจริงแบบนี้ทุกวัน เหมือนมีพลังบางอย่างคอยช่วยเราอยู่ และความทุกข์เราเผชิญอยู่จะลดลงทันที หลังจากนั้นแล้ว ก็ทำสมาธิภาวนาจนกว่าจะหลับ หากตายตอนนี้อาจไปถึงนิพพานได้ อย่างน้อยๆ ก็ได้ไปสวรรค์ ไม่ชั้นใดก็ชั้นหนึ่งตามความละเอียดของจิตเรา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มาคุณกัน