ธรรมะกับชีวิต เป็นของคู่กันมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล
แต่ปัจจุบันนี้มนุษย์ยุคเทคโนโลยี มักจะอยากแยกธรรมะกับชีวิตออกให้แห่งกัน
ธรรมมีไว้เพื่อลดทอนกิเลสที่มีอยู่ในจิตใจของมนุษย์ให้ลดน้อยถอยลง
จนเห็นธรรมชาติของตัวตนที่แท้จริงของเราเอง แต่มนุษย์ยุคนี้ที่ใช้เทคโนโลยีนำหน้า
กลับมักแต่จะเพิ่มกิเลสให้ตนเองเพิ่มมากขึ้น สินค้าแต่ละชนิดที่มีวางขายในท้องตลาดบางอันก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเรา
บางอันก็ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับเรา สินค้าทั้งหลายถูกสร้างขึ้นมาเพื่อกระตุ้นและตอบสนองความต้องการและเพื่อบำเรอกิเลสของมนุษย์เท่านั้น
เมื่อมีสิ่งของมากระตุ้นให้เกิดความอยาก
ก็ทำให้เราต้องดิ้นรนมากเพื่อให้ได้สิ่งนั้นมาครอบครองโดยหารู้ไม่ว่าของที่เราอยากได้ล้วนจะจากกันไปในอนาคตทั้งสิ้น
หากเราไม่จากมันก่อน มันก็จากเราก่อนทั้งนั้น ไม่มีอะไรในโลกนี้จะยังยืน
ตายไปก็เอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากความดีและความชั่วที่เราทำระหว่างการเป็นมนุษย์
ธรรมะกับชีวิตเป็นของคู่กันหากเราแยกทางออกจากธรรมะก็เท่ากับเราปล่อยตัวเราให้แยกออกจากความดี
เมื่อคนเรากระทำเหมือนกัน คล้ายกันจนหมด จนเต็มบ้านเต็มเมือง
คุณลองคิดและจินตนาการดูเถิดว่าอนาคตข้างหน้า จะเกิดอะไรขึ้น
ไปที่แห่งหนตำบลใดก็จะเจอแต่ผู้คนที่คิดร้ายต่อเรา
ฉะนั้นนำธรรมะกับชีวิตมาอยู่รวมกัน เพื่อชีวิตของเราจะได้สมดุล
โลกจะได้สมดุล พืชพรรณธัญญาหารจะได้สมดุล ความอดอยากแร้งแค้นจะหายไป
ชีวิตที่เต็มไปด้วยธรรมชาติจะได้คืนกับมาดังเดิม....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มาคุณกัน