บางคนบอกว่า ความสุขของชีวิตก็เพื่อ มีบ้านหลังใหญ่ มีรถ ได้งานทำดีๆ
ได้เป็นเจ้าของกิจการ ได้เป็นคนร่ำรวยมีพร้อมทุกอย่าง
มนุษย์ทุกคนบนโลกใบนี้ก็คงมีความต้องการไม่ต่างกันมากนัก
และส่วนใหญ่ก็ต้องการจะร่ำรวยกันทั้งนั้น
นี่แหละเป็นความสุขของชีวิตที่ต้องการได้มา
และผู้เขียนกำลังจะบอกว่าแน่ใจหรือว่าสิ่งที่กล่าวมาข้างต้นใช่สิ่งที่ต้องการจริงๆ
หากคุณรู้ความจริงของชีวิตว่า เมื่อเราตายไปแล้วเอาอะไรไปไม่ได้เลยนอกจากบุญ
และบาป และความสุขของชีวิตของคุณยังต้องการความร่ำรวยอยู่อีกไหม บางคนก็บอกว่า
ยังไงก็ขอรวยไว้ก่อน....
ความสุขของชีวิตของผู้เขียน ต้องการเพียงให้ตัวเองพ้นทุกข์
และต้องการให้ผู้อื่นพ้นทุกข์ด้วย และจะเป็นผู้ให้โดยไม่หวังผลตอบแทน
ต้องการเพียงให้เขามีความสุข
และพาตนเองพ้นจากทุกข์ได้...ปัจจุบันผู้เขียนใช้ชีวิตนี้เพื่อภพข้างหน้าจะได้ไม่ลำบากเหมือนในปัจจุบัน
เมื่อผู้เขียนเป็นผู้ให้ผู้เขียนจะมีความสุขมาก
เพราะผู้ให้ย่อมได้รับสิ่งที่ตนเองให้ ถึงแม้ว่าผู้เขียนไม่ได้ร่ำรวยมาก
แต่ผู้เขียนก็ขอตั้งปนิธานเอาไว้ว่า จะให้ทุกเมื่อ เมื่อมีโอกาสจะให้
แค่ได้ให้ก็มีความสุข
แล้วคุณละความสุขของคุณเป็นแบบไหน อย่างน้อยผู้เขียน ก็มีบุญติดตัวไปเมื่อตาย
และหวังได้เลยว่า เมื่อตายจะได้ไปสวรรค์อย่างแน่นอน
เพราะผู้เขียนปูทางตนเองให้ไปสวรรค์ นั้นก็คือ การให้ทาน การรัษาศีล 5 การทำสมาธิ
การศึกษาธรรมะ การเข้าใจจุดหมายของชีวิต
นี่แหละหนทางของคนจะไปสวรรค์
และหนทางของคนไปนรก ก็คือ การไม่ให้ทาน ไม่รักษาศีล และไม่ทำสมาธิ
ไม่ทำอะไรเลยในด้านความดี ก็ปูทางตนเองให้ไปนรกอย่างแน่นอน มีศีลวันนี้
ก็เท่ากับการปูทางของชีวิตของเราให้มีความสุขในวันข้างหน้า
นี่แหละคือความสุขของชีวิตอย่างแท้จริง....เพราะเมื่อมีศีล 5 บริบูรณ์
บวกกับการให้ทาน พระท่านบอกไว้เลยว่า เราจะร่ำรวยได้เอง .....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มาคุณกัน