วันเสาร์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ธรรมะสอนชีวิต


ธรรมะสอนชีวิต

ชีวิตของเรามีทั้งดีและชั่วประปนกันไป ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ คนเราจะพบธรรมะได้ก็ต้องทุกข์เสียก่อน หากไม่ทุกข์ก็จะไม่เห็นธรรมะ เป็นดังที่พระพุทธเจ้าท่านได้ตรัสไว้ คนที่กำลังมีความสุขก็จะมองไม่เห็นว่าความทุกข์ในวันข้างหน้าจะเจออะไร บางครั้งเมื่อเราทุกข์ตอนนี้ยังดีกว่าเราทุกข์ตอนหลัง เพราะวันข้างหน้าเราอาจตายแล้ว เพราะเมื่อเราทุกวันนี้เราก็จะได้เรียนรู้และนำธรรมะมาสอนชีวิตของเรา จริงๆ แล้วธรรมสอนชีวิตของเราอยู่ทุกเวลาของชีวิต แต่เราไม่ได้ตระหนักรู้ว่านั้นคือธรรมะ  ไม่ได้เข้าใจธรรมชาติของชีวิตที่เกิดมา

ธรรมชาติของชีวิตที่เกิดมาก็คือ เมื่อเกิดมาแล้วก็ต้องมาชดใช้กรรมของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นกรรมดี  หรือกรรมชั่ว (กรรมคือการกระทำของเราเอง จึงเรียกว่ากรรรม) เราก็ต้องชดใช้ หรือ ได้รับผลของกรรมนั้นเสมอ ในระหว่างที่เราใช้ชีวิตอยู่เวลาก็หมุนเวียนไปเรื่อยๆ อายุก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราก็แก่  เมื่อยังหนุ่มสาว ร่างกายกระฉับกระเฉย จะวิ่งจะเหินก็สามารถทำได้สะดวก เมื่อแก่แล้ว จะวิ่งก็ลำบาก จะลุกก็ลำบาก ทั้งเจ็บ ทั้งปวด ทั้งเป็นโรค สุดท้ายก็ตายหมุนเวียนอย่างนี้ไม่จบสิ้น

ธรรมะสอนชีวิตของเราอยู่ทุกขณะ ว่าเราต้อง เกิด แก่ เจ็บ ตาย นี่แหละธรรมชาติของชีวิต ที่ทุกคนบนโลกใบนี้หลีกเลี่ยงไม่ได้  แล้วทีนี้เมื่อเวลาเราตายไป เราก็เอาสมบัติที่เราสร้างขึ้นบนโลกใบนี้ เอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากความดีและความชั่ว และบุญ บาป เท่านั้น ที่จะติดตามเราไปให้ผลในชาติต่อไปที่เราเกิดอีก  เมื่อวงจรชีวิตเป็นแบบนี้แล้ว เราที่เป็นชาวพุทธควรจะต้องตระหนักรู้และเริ่มขวนขวยเรื่องการทำความดี เรื่องของการให้ทาน การรักษาศีล และทำสมาธิให้มากๆ  เพราะยิ่งทำมากเราก็ได้มาก และจะทำให้เราพ้นทุกข์ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิด เพราะเราไม่มีวันรู้หรอกว่า เราจะเผลอทำผิดเมื่อใดหรือชาติใดไว้ เพราะเมื่อเราเผลอทำผิด นรกก็จะจองตัวเราไว้เราก็จะต้องชดใช้กรรมนั้น จงมองไปรอบๆตัวเราและใช้ธรรมะสอนชีวิตให้ตัวเราเองมากๆ.......

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

มาคุณกัน