ยุคปัจจุบันนี้เป็นยุคแห่งความรวดเร็วทำอะไรก็ต้องรวดเร็วตามไปด้วย
เมื่อครั้งก่อนได้กลับบ้านไปในช่วงวันขึ้นปีใหม่ วันนั้นเป็นวันพระ เลยไม่มีพระมาบิณฑบาตร
ก็เลยไปทำบุญที่วัด ปรากฏว่าอาหารที่คนยุคนี้นำมาใส่บาตรส่วนมากเป็นอาหารแห้ง
และขนมในเซเว่น และนมกล่องเป็นส่วนใหญ่ หากับข้าวที่เป็นแบบไทยๆ
เราสมัยแต่ก่อนแทบไม่มีเลย ไม่รู้ว่าพระตอนฉันท์อาหารจะฉันท์อะไร
เมื่อเห็นแล้วก็รู้สึกได้ว่าวัฒนธรรมของเราค่อยเปลี่ยนไป จนไม่เหลือเค้าเดิมเลย และวัยรุ่นส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจในการทำบุญอยู่มาก
แต่เราก็ไม่อาจไปตำหนิหรือติเตียนใครได้ เพราะศรัทธาของใครของมัน
ใครทำอย่างไรก็ย่อมได้อย่างนั้น
และขอแนะนำอาหารทำบุญ
ก็ควรจะเป็นอาหารที่จัดได้ว่าปลอดสารพิษได้ยิ่งดี เพราะปัจจุบันนี้อาหารของพวกเราที่กินกันในปัจจุบันล้วนแต่ปนเปื้อนสารพิษด้วยกันทั้งนั้น
หาอาหารที่ปลอดสารพิษปนเปื้อนได้ยาก ฉะนั้นเลือกอาหารใส่บาตรที่ปลอดสารพิษเพราะเป็นความตั้งใจในการหา
ผลบุญนั้นย่อมมาก และเมื่อทำบุญทุกครั้ง จงคำนึงนึกถึงว่าให้สิ่งใดผู้อื่นเราย่อมได้สิ่งนั้นตอนแทน
ให้สิ่งที่หยาบเราย่อมได้สิ่งที่หยาบ ให้สิ่งที่เป็นพิษเราย่อมได้สิ่งที่เป็นพิษ
ให้สิ่งที่ปราณีตเราย่อมได้สิ่งที่ปราณีต
ให้สิ่งที่ดีที่สุดเราย่อมได้สิ่งที่ดีที่สุด ให้สิ่งที่เลวเราย่อมได้สิ่งที่เลว
ฉะนั้นจงเลือกให้สิ่งที่ดีๆ ทุกครั้ง....
ถ้าทำด้วยอาหาร อาหารทำบุญก็ควรประณีต สะอาดไม่ปนเปื้อนสารพิษ
ไม่ลักขโมยของผู้อื่นมา ได้มาด้วยความบริสุทธิ์ด้วยแรงกายและแรงใจของตน ไม่ว่าอาหารของเราจะเป็นอะไรก็ควรคำนึงถึงประโยชน์ที่พระจะได้รับด้วยว่ามีประโยชน์โทษและถูกต้องหรือเปล่า
อาหารบางอย่างให้พระก็ผิดได้เหมือนกัน อย่างเช่น
ให้ผลแตงโมแก่พระเป็นลูกโดยไม่ได้ผ่าอย่างนี้ผิด เพราะพระไม่มีมีดในการที่จะต้องมาผ่า
และถ้ามานั่งผ่าแตงโมถือว่าผิดวินัยสงฆ์ พระไม่เหมือนฆราวาสเราควรคำนึงถึงตรงนี้ด้วย....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
มาคุณกัน